The Creator (2023) สงครามของมนุษย์และ AI ที่ใช้สถานที่ถ่ายทำในไทย โปรดักชั่นยิ่งใหญ่อลังการ

สงครามของมนุษย์และ AI ที่ใช้สถานที่ถ่ายทำในไทย

The Creator ลงจอภาพยนตร์แห่งปี 2023 กันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว กับผลงานจากผู้กำกับ Gareth Edwards ที่เคยฝากไว้กับภาพยนตร์ชื่อดังอย่าง Rogue One: A Star Wars Story (2016) และอีกหลายๆ เรื่อง ซึ่งเรื่องนี้ถือว่าน่าจะเป็นมหากาพย์หนังแอ็คชั่นไซไฟอีกเรื่องกันเลยก็ว่าได้ เพราะทางผู้กำกับได้จัดเต็มกับความยาวของเรื่องกว่า 5 ชั่วโมง แต่สุดท้ายก็ต้องตัดต่อมาจนเหลือเพียงแค่ 2.15 ชั่วโมง เท่านั้น เพราะติดเรื่องแอร์ไทม์ตามมาตรฐานในโรงภาพยนตร์นั่นเอง

ข้อมูลทั่วไปของหนังเรื่อง The Creator

ชื่อภาพยนตร์ : The Creator เดอะ ครีเอเตอร์

ผู้กำกับและเขียนบท : Gareth Edwards, Chris Weitz

นักแสดงหลัก : John David Washington, Gemma Chan, Ken Watanabe, Sturgill Simpson, Madeleine Yuna Voyles, Allison Janney

แนวภาพยนตร์ : แอ็คชั่น, ไซไฟ, ผจญภัย

วันที่ออกฉาย : 21 กันยายน 2566

เรื่องย่อ The Creator

The Creator จะเล่าถึงเรื่องราวของโลกแห่งอนาคต ณ ปี 2070 ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา เกิดปัญหาระเบิดนิวเคลียร์ถูกโจมตียังเมือง Los Angeles ที่มาจากฝีมือของเหล่าหุ่นยนต์ AI รัฐบาลทางการจึงได้เร่งเปิดฉากเพื่อทำสงครามกวาดล้างเอไอให้สิ้นซาก หน้าที่เลยตกเป็นของ อดีตเจ้าหน้าที่หน่วยรบพิเศษอย่าง โจชัว ในการทำภารกิจออกตามล่าหา เนอร์มาตา ที่มีข้อมูลมาว่าน่าจะเป็นผู้คุมอำนาจเบื้องหลังหุ่น AI ทั้งหมดนี้ และต้องเดินทางไปยัง นิวเอเชีย ดินแดนทางเอเชียที่เรียกว่าเป็นนิมิตรใหม่ของผู้คนและ AI ที่ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกัน จนกระทั่งโจชัวได้พบว่า อาวุธทรงพลังที่ว่านี้ เป็นแค่เพียง แอลฟี หุ่นยนต์เด็ก AI ตัวน้อยเท่านั้น

เจาะรายละเอียดหนัง The Creator

นี่คือภาพยนตร์เรื่องใหม่ของผู้กำกับ แกเร็ท เอ็ดเวิร์ดส์ ที่เคยฝากผลงานเรื่องดังไว้มากมาย ไม่ว่าจะเป็น Godzilla (2014), Monsters (2010) หรือ Rogue One: A Star Wars Story (2016) ที่เราได้เอ่ยไปในตอนแรก ต้องบอกว่าผลงานแต่ละเรื่องนั้นค่อนข้างเป็นหนังฟอร์มยักษ์ และก็ถือว่ามีประสบการณ์ในแนวไซไฟอยู่แล้ว เห็นได้เลยว่าแต่ละเรื่องมีลายเซ็นของผู้กำกับคนนี้อย่างชัดเจนเป็นเอกลักษณ์มาก ที่สำคัญความน่าสนใจของเรื่องนี้ก็คงหนีไม่พ้นการที่มาถ่ายทำในเมืองไทย ซึ่งใช้โลเคชั่นในไทยมากถึง 80% ของเรื่องราวทั้งหมด กลายเป็นว่านี่คือหนังฮอลลีวูดอีกเรื่องที่เราจะได้เห็นความเป็นวัฒนธรรมท้องถิ่น ผสานเข้ากับโปรดักชั่นระดับมหากาฬ

การแสดง

งานด้านการแสดง The Creator ต้องบอกว่าได้มาตรฐานตามเกณฑ์ของนักแสดงฝั่ง Hollywood ทั้งความลื่นไหลของอารมณ์ บทบาท คิวบู๊ ทุกอย่างดูสมูทไปหมด เราจะได้เห็น เจมมา ชาน ที่เธอดูมีเสน่ห์ขึ้นเยอะมากเลยในบทนี้ จอห์น เดวิด วอชิงตัน ที่รับบทได้อยู่หมัด และหนูน้อยอัจฉริยะ อาวุธสังหารจากทางฝั่งของ AI ที่ถือว่าเล่นได้ดีเหนือความคาดหมายอย่างมาก และยังได้ วาตานาเบ เคน นักแสดงชาวเอเชียที่ทำให้บทหนังมีความเข้ากันมากขึ้น

การกำกับและการผลิต

ปัจจุบันผู้กำกับสายหนังไซไฟอย่าง แกเร็ท เอ็ดเวิร์ดส์ ที่เขามีผลงานอยู่เพียง 4 เรื่องก็จริง แต่ด้วยความเก๋าเกมที่อยู่ในวงการนี้มาเกิน 10 ปีแล้ว เลยทำให้ผลงานออกมาเอาอยู่ทุกฉาก และยังได้ คริส ไวซ์ มาช่วยร่วมเขียนบทอีกด้วย การกำกับก็ยังได้ผู้กำกับฝีมือทองอย่าง เกร็ก เฟรเซอร์ มาช่วยเสริมงานให้ดียิ่งขึ้น ที่น่าสนใจนั้นทางผู้กำกับและทีมงาน The Creator ได้ตกลงกันมาถ่ายทำในประเทศไทยกว่า 40 สถานที่ รวมกว่า 212 ฉาก ดูเหมือนว่าทางผู้กำกับน่าจะถูกใจโลเคชั่นไทยไม่น้อยเลยทีเดียว

บทภาพยนตร์

ด้านบทภาพยนตร์ของเรื่อง The Creator ถือว่าเป็นหนังแอ็คชั่นไซไฟที่ดูได้ทั้งครอบครัว เนื้อหาไม่ถึงกับรุนแรงมาก การเล่าเรื่องก็มีจังหวะในการแบ่งเป็นองก์ย่อยไปเรื่อยๆ โดยที่ตัวบทจะแทรกความเป็นแอ็คชั่น มีบู๊ มีลุย มีความเป็นไซไฟ สุดไฮเทค แห่งโลกอนาคต และยังมีบทดราม่าของตัวละครซีนอารมณ์ด้วย มีมุกตลกแทรกให้เราได้หัวเราะคลายความตึงเครียด เลยทำให้เรื่องนี้ถือว่าดูง่าย ย่อยง่าย ไม่ได้หักมุมซับซ้อนอะไร และก็ไม่ได้มีอะไรแปลกใหม่มาเซอร์ไพรส์ไปจากหนังไซไฟเรื่องก่อนๆ เช่นเดียวกัน

งานภาพและโปรดักชั่น

ด้านโปรดักชั่นงานวิชวลซีจีของเรื่องนี้ต้องบอกเลยว่าจัดเต็ม สมจริงมาก มีการสร้างภาพโดยการใช้เทคโนโลยี AI เข้ามาช่วย แต่ละฉากบอกเลยว่าอลังการงานสร้างสุดๆ มันดูสมจริง ดูเรียล มีความจับต้องได้จริงๆ เลยทำให้ผู้ชมเข้าถึงอารมณ์และอินกับความเป็นไซไฟของ The Creator ได้แบบไม่ต้องสงสัย ฉากแอคชั่นก็บู๊ระห่ำระวังสงครามของมนุษย์และหุ่นไซบ็อก ซึ่งบางฉากบอกเลยว่าให้ฟิลลิ่งเหมือนได้รับชม Star Wars ยังไงอย่างนั้น

ธีมและประเด็น

The Creator อาจจะไม่ใช่เพราะเรื่องที่เป็นอะไรใหม่ๆ ขนาดนั้น เพราะสงครามระหว่างคนและหุ่นยนต์ ก็น่าจะธรรมดาและมีให้เราเลือกชมได้หลายเรื่องกันอยู่แล้ว แต่การที่มีธีมฉากหลังถ่ายทำในเมืองไทยแบบนี้มันดีต่อใจมากจริงๆ แต่ต่างชาติอาจจะไม่ได้อินกับตรงนี้สักเท่าไหร่ ส่วนความเป็นไซไฟก็ถือว่ามีความชัดเจนดีมาก แต่ก็ไม่ได้เน้นหนักขนาดนั้น เพราะต้องประคองเรื่องของความเป็นแนวแอ็คชั่นเอาไว้ด้วย บรรยากาศเรื่องก็จะออกแนวโลกล่มสลาย Post-Apocalypse หรือแนว Dystopia ที่ทำออกมาได้ชัดเจนดีทีเดียว

ความประทับใจส่วนตัว

ความประทับใจของ The Creator น่าจะอยู่ที่การปูเรื่องราว สามารถทำออกมาปลุกอารมณ์ผู้ชมได้ค่อนข้างดี เล่าเรื่องได้เข้าใจง่ายไม่ซับซ้อน แต่น่าเสียดายที่พล็อตเรื่องเหมือนจะรวบรัดตัดความเกินไปหน่อย ที่ไม่พูดถึงไม่ได้เลยคืองานฉาก โปรดักชั่น ที่ทำได้อลังการ ยกระดับสถานที่ท่องเที่ยวในเมืองไทยให้ดูน่าเที่ยวขึ้นเยอะมาก ทำให้ได้เห็นว่าโลเคชั่นในเมืองไทยก็ไม่ได้น้อยหน้าไปกว่าต่างชาติเลย หวังว่าน่าจะมีค่ายหนังอีกมากมายมาถ่ายทำในไทยอีกเยอะๆ ส่วนเรื่องของความเป็นแนวไซไฟก็มีความชัดเจน ล้ำเหนือจินตนาการ รับชมได้แบบเพลินๆ มีฉากแอคชั่นให้เราได้ลุ้นระทึก ฉากดราม่าสุดซึ้งสลับคั่นกันไปด้วย

คะแนนการประเมิน

IMDb : 6.7/10

ภาพรวม 8/10

การเล่าเรื่อง 7/10

การแสดง 8/10

เทคนิคงานสร้าง 10/10

บทภาพยนตร์ 7/10

เปรียบเทียบกับภาพยนตร์เรื่องอื่น

เมื่อนำไปเทียบกับภาพยนตร์แนวไซไฟเรื่องอื่น The Creator ถือว่ามีความสดใหม่อยู่ตรงที่ประเด็นของการแบ่งโลกเป็นสองความคิด สะท้อนวัฒนธรรม การเมือง ที่ขัดแย้งกับเทคโนโลยี AI เราจะได้เห็นว่ามีฝั่งที่ยอมรับในเรื่องของหุ่นเอไอและปรับตัวใช้ชีวิตร่วมกันได้อย่างสันติ จนมันเป็นภาพที่เราได้เห็นธีม Cyber Punk กลางธรรมชาติหุบเขาและผืนป่าสไตล์ไทย ภาพบรรยากาศแบบนี้มั่นใจว่าไม่มีในหนังเรื่องอื่นให้เรารับชมแน่นอน

ในขณะเดียวกันสตอรี่ของเรื่องก็ยังมีฝั่งที่ผู้คนต่อต้านและมอง AI เป็นเพียงเครื่องมือจักรกลอันตรายที่พร้อมคุกคามชีวิตได้ตลอดเวลา ซึ่งพล็อตในธีมแบบนี้ถือว่ามีความอิงโลกจริงอยู่พอสมควร ออกแนวเสียดสีสะท้อนสังคมไปในตัว โดยรวมในเชิงรายละเอียด ถือว่ามีองค์ประกอบที่ทำให้เรื่องนี้มันดูสดใหม่อยู่บ้าง แม้ภาพรวมใครๆ ก็มองเห็นว่ามันก็ไม่ต่างจากแนวไซไฟเรื่องที่ผ่านๆ มาก็ตาม

สรุปการรีวิวหนังเรื่อง The Creator

โดยรวมถือว่าเป็นภาพยนตร์แนวแอ็คชั่นไซไฟที่ทำถึง ทั้งงานบู๊ งานซีจีวิชวลเอฟเฟกต์ ถึงจะไม่ได้เป็นสายไฟแบบที่อิงสมมุติฐานจากความเป็นจริง แต่ด้วยเรื่องราวและการดำเนินเรื่องมันทำให้เราอินและรับชมได้เพลินๆ จนจบ ไม่ได้มีรายละเอียดอะไรซับซ้อนหรือต้องมานั่งตีความในเชิงวิทย์จ๋าๆ เหมือนกับแนวไซไฟเรื่องอื่นเลย แถมยังได้เห็นบางมุมของเทคโนโลยี AI ที่ว่าหากโลกใบนี้ถูกควบคุมด้วยสิ่งเหล่านี้แล้วจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง องค์ประกอบอื่นๆ และรายละเอียดยิบย่อยก็ใส่มาได้พอดีจนลงตัวและมีเสน่ห์ไปหมด อีกหนึ่งเรื่องที่ประทับใจและถึงแม้จะไม่ใช่คอหนังไซไฟก็รับชมได้แน่น

Categories