No Hard Feelings สาวแซ่บ..แอ๊บมาอ่อย เรื่องนี้น่าจะเป็นภาพยนตร์คอมเมดี้อีกเรื่องประจำปี 2023 ที่ฟอร์มมาดีที่เดียว สไตล์ชิลๆ ติดตลกบวกกับความทะลึ่งทะเล้นแบบนี้น่าจะเข้าได้กับผู้ชมทุกเพศทุกวัย การตบมุกสไตล์ยุโรปที่ถือว่าไม่ได้แย่และโซนเราก็พอเข้าใจได้โอเคเลย ที่สำคัญความน่าสนใจคือ เจนนิเฟอร์ ลอว์เรนซ์ ที่ได้คัมแบ็คกลับมากันอีกครั้ง หลังจากหายหน้าหายตาไปเลี้ยงลูกหลังจากคลอดมาได้เกือบ 3 ปี และคาแรคเตอร์กวนๆ แบบนี้ของเธอดันเข้ากันได้ดีซะด้วย
ข้อมูลทั่วไปของหนังเรื่อง No Hard Feelings
ชื่อภาพยนตร์ : No Hard Feelings สาวแซ่บ..แอ๊บมาอ่อย
ผู้กำกับ : จีน สตุปนิทสกี้
นักแสดงหลัก : นำแสดงโดย: เจนนิเฟอร์ ลอว์เรนซ์, แอนดรูว์ บาร์ธ เฟลดแมน
แนวภาพยนตร์ : คอมเมดี้/โรแมนติก
วันที่ออกฉาย : 22 มิถุนายน 2023
เรื่องย่อ No Hard Feelings
No Hard Feelings สาวแซ่บ..แอ๊บมาอ่อย จะเล่าเรื่องราวของสาวฟรีแลนซ์อย่าง แมดดี้ ที่อาชีพจะไม่ค่อยจะมีหลักแหล่ง อย่างการที่ต้องมาเป็นคนขับรถรับจ้างผ่านแอพอูเบอร์ไปวันๆ และดูเหมือนว่าชีวิตเธอในตอนนี้จะต้องเผชิญหน้ากับปัญหาทางการเงินอย่างหนักหน่วง แถมยังตกตะกำลำบากกับการที่รถยนต์ ที่เป็นเครื่องมือทำมาหากินของเธอ ยังต้องมาถูกยึดไปอีก จนกระทั่งได้มาพบกับโพสต์ประหลาดบนโซเชี่ยลออนไลน์ของเธอที่เลื่อนฟีดผ่านโดยบังเอิญ และได้รู้ว่ามีครอบครัวหนึ่งที่ลูกชายของเขากำลังมีปัญหาเรื่องการเข้าสังคม จึงโพสต์อยากได้คนที่จะมาช่วยเหลือ
เด็กหนุ่มที่กำลังจะเข้าสู่วัยมหาลัยอย่าง เพอร์ซี่ ลูกชายของครอบครัวนี้ ที่ดูเหมือนว่าความเป็นเด็กเนิร์ดของเขาจะทำให้มีปัญหาการเข้าสังคม เพราะชีวิตประจำวันเขาเอาแต่หมกมุ่นอยู่กับเรื่องวิชาการ ไม่คิดจะมีปฏิสัมพันธ์ใดๆกับคนรอบข้าง แถมยังไม่เคยคิดจะจีบสาวเพื่อปลดความซิงของตัวเองเลย นี่คือโอกาสเดียวที่ แมดดี้ จะสามารถรับจ้างสอนเรื่องการเข้าสังคมกับหนุ่มคนนี้ และตั้งใจจะเอาเงินไปปิดหนี้เพื่อไถ่รถยนต์ของเธอคืน เธอจึงตัดสินใจรับงานนี้ และมาเป็นแฟนสาวจำเป็นเพื่อปลูกฝังความเป็นชายของ เพอร์ซี่ ให้พลุกพล่านอีกครั้ง และใช้ชีวิตในสังคมเหมือนคนอื่นได้
เจาะรายละเอียดหนัง No Hard Feelings
โดยที่ครั้งนี้ก็เป็นการกำกับของตัวพ่ออย่าง จีน สตุปนิทสกี้ ที่เราอาจจะเคยได้รับชมกันมาแล้วในผลงานในปี 2019 กับเรื่อง Good Boys จนครั้งนี้ก็ยังอยู่ในวังวนของความรักในวัยเรียนเหมือนเดิม แต่มีกิมมิคเพิ่มเติมตรงที่เส้นเรื่องตัวละครที่จะต้องผ่านช่วงวัยสำคัญไปสู่ความเป็นผู้ใหญ่ หรือที่เรียกกันว่าหนังแนว Coming of Age นั่นเอง ซึ่งก็ถือว่าผสมกับความเป็นคอมเมดี้ได้อย่างฮาลงตัวเลยทีเดียว
การแสดง
จุดขายของเรื่อง No Hard Feelings ก็คงจะต้องยกให้กับ เจนนิเฟอร์ ลอว์เรนซ์ นักแสดงนำของเราที่บอกเลยว่า หากขาดเธอไปเรื่องนี้ก็คงขาดสีสันแน่นอน และยังเรียกได้ว่าเป็นการกลับมาแสดงหนังที่บทตัวละครค่อนข้างจะบ้าบิ่น ซึ่งเธอไม่ได้เล่นบทแบบนี้มาเป็น 10 ปีแล้ว และเรื่องนี้ก็ยังถือว่าสามารถโปรยเสน่ห์และความสามารถออกมาได้อย่างเต็มเปี่ยม มีความเป็นมืออาชีพชัดเจน โดยเฉพาะการแสดงในฉากทะลึ่งที่ดูเป็นธรรมชาติ ไม่ได้รู้สึกติดขัดอะไรเลย จนทำให้เราได้เห็นว่ามุมคอมเมดี้นั้นเธอเองก็เล่นได้ดีทีเดียว
นอกจากนี้ยังต้องชื่นชมให้กับนักแสดงสมทบที่เล่นคู่กันอย่าง แอนดรูว์ บาร์ธ เฟลดแมน จนถือว่าเคมีค่อนข้างตรงกันดีทีเดียว การแสดงก็สามารถทำได้เกินคาด ซึ่งบทของเขาก็มาช่วยเป็นตัวส่งให้ดารารุ่นพี่อย่างเจนนิเฟอร์ได้ดีเลย ฉากแต่ละฉากก็ลงตัวทุกซีน แม้จะเป็นนักแสดงต่างรุ่นแต่ก็ถือว่าเข้าขากันได้อย่างลงตัว โดยเฉพาะในบทเลิฟซีนที่รู้สึกว่าโฟลลื่นไหลดี ไม่ได้ให้ความรู้สึกขัดแย้งกันด้านอายุหรือเรื่องใดๆ เลย ต้องยกให้การแสดงของทั้งคู่เลยว่าทำงานได้มีคุณภาพ
การกำกับและการผลิต
No Hard Feelings ได้ผู้กำกับ จีน สตุปนิทสกี้ ที่มาร่วมเขียนบทหนังของเรื่องกันอีกด้วย จึงกลายเป็นทั้งการกำกับและการเขียนบทที่เขารับเองแทบจะทั้งหมด แต่ก็อย่างว่าเพราะหนังสไตล์นี้อาจจะถูกจริตเขา เลยทำให้มูดโทนอารมณ์ในแต่ละฉาก จังหวะอะไรดูเข้ากันไปหมด เรียบเรียงเรื่องราวออกมาได้ค่อนข้างดี ถึงแม้ว่าพล็อตเรื่องจะค่อนข้างซ้ำตามสูตรสำเร็จไปหน่อย และอาจจะดูเชยไปแล้วก็จริง ตามแบบฉบับของหนังทะลึ่งยุคช่วง Y2K ได้เลย
แต่ถึงอย่างนั้นเรื่องนี้ก็ยังมีการนำเอาเสน่ห์เรื่องราวเก่าๆ มาเล่าใหม่ให้มีความทันสมัย ทันยุคมากยิ่งขึ้น เสมือนเป็นการปัดฝุ่นมูดโทนหนังยุคนั้นมาเล่นใหม่อีกครั้ง และทำให้หลายอย่างมันเป๊ะกว่าเดิม ซึ่งก็ถือว่าเราได้เห็นอีกมุมมองที่ไม่ได้ซ้ำจำเจจนแย่ไปซะทีเดียว แต่ก็ยังมีด้านที่ดีอยู่เหมือนกัน โดยเฉพาะกับผู้ชมทั่วไปที่ดูเอาความสนุกเพลิน ไม่ได้จับผิดอะไรมาก ก็สามารถปล่อยจอยอารมณ์ไปกับเรื่องราวของหนัง เรียกเสียงหัวเราะได้แบบเต็มที่
บทภาพยนตร์
ตามที่เราได้เกริ่นเอาไว้ก่อนหน้านี้แล้ว No Hard Feelings อาจจะเป็นภาพยนตร์แนวคอมเมดี้ที่ไม่ได้มีอะไรแปลกใหม่ หรือมีอะไรมาเซอร์ไพรส์คุณดู เพราะหมดหนังค่อนข้างจะมีแต่มุกตลกแบบบ้านๆ แต่กลับพรีเซ้นต์ออกมาได้ดูตลกเข้าถึงอารมณ์ดีมากน่าจะเพราะจังหวะคมๆ ของนักแสดงมากกว่า ที่มาช่วยประคับประคองหนังเรื่องนี้ให้รอดไปได้จนจบเรื่อง เพราะตัวหมดถือว่าค่อนข้างเชยในหลายๆ ซีน หากไม่ได้นักแสดงเจนใหม่ในเรื่องแบบนี้ก็คงจะน่าเบื่ออยู่เหมือนกัน
การถ่ายภาพและโปรดักชั่น
ด้านงานโปรดักชั่นอาจจะไม่ได้มีอะไรโดดเด่นพิเศษให้ว้าวขนาดนั้น แต่ที่เห็นได้ชัดเจนเลยคือการเลือกใช้โทนสีที่อบอุ่น ดูเป็นธรรมชาติ เพื่อช่วยสร้างบรรยากาศที่เป็นกันเอง จนเราเข้าถึงฟีลลิ่งของตัวละครในบางฉากได้เลย การตัดต่อก็สมูท ลื่นไหล ไม่ได้มีจุดที่รู้สึกว่าติดขัดอะไร งานคอสตูมตัวละครก็ออกแบบมาได้พอดีเข้ากับฉากดูมีสีสันสดใส ซึ่งมันเข้ากับจังหวะฉากเล่นมุกต่างๆ ภายในเรื่องได้แบบลงตัวทีเดียว
ธีมและประเด็น
พล็อตประเด็นหลักๆ ของ No Hard Feelings ก็มาในแนวโรแมนติก คอมเมดี้ ที่จับตัวละครสองตัวต้องมาเจอกันโดยบังเอิญ พร้อมกับการตบด้วยมุกตลก ฉากฮาๆ รวมไปถึงเรื่องราวที่จะต้องก้าวข้ามผ่านช่วงวัยสำคัญ การยอมรับตัวตนของตัวเอง การรู้จักตนเอง ซึ่งเป็นเรื่องที่สำคัญมากๆ ในวัฒนธรรมของทางฝั่งยุโรป และชวนสะท้อนให้ได้เห็นวิถีชีวิตของวัยรุ่นในปัจจุบันได้อย่างดีอีกด้วย
ความประทับใจส่วนตัว
ส่วนตัวรู้สึกว่า No Hard Feelings มีความน่าสนใจอยู่ตรงที่การแทรกโควทบางประโยคเอาไว้ในแต่ละซีนได้อย่างมีชั้นเชิง ในช่วงจังหวะที่มีการตบมุกตลกเบาๆ การสื่อสารในเรื่องของแก่นหลักหัวใจของเรื่อง ที่ตัวละครต้องก้าวข้ามผ่านวัย หรือความเป็น Coming of Age ที่สะท้อนออกมาให้เราได้เห็นได้รู้สึก โดยเฉพาะช่วงวัยรุ่นที่จะต้องเติบโตเป็นผู้ใหญ่ในแบบฉบับของตนเอง ส่วนนี้ถือว่าสามารถตีให้เราได้รับถึงความรู้สึกเหล่านั้นจริงๆ ค่อนข้างดีและได้สาระเยอะเลยทีเดียว
คะแนนการประเมิน
IMDb : 6.4/10
ภาพรวม : 7/10
การเล่าเรื่อง :7/10
การแสดง :8/10
เทคนิคงานสร้าง :6/10
บทภาพยนตร์ :5/10
เปรียบเทียบกับภาพยนตร์เรื่องอื่น
No Hard Feelings อาจจะคล้ายกับภาพยนตร์วัยรุ่นคลาสสิกเก่าๆ อย่าง Superbad และ American Pie เพราะด้วยธีมเรื่องมิตรภาพ การเสียเวอร์จิ้นของตัวละครหลักแบบนี้มันทำให้นึกถึงเรื่องนี้ได้จริงๆ แต่ถึงอย่างนั้นก็ถือว่ายังมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวอยู่ ทั้งประเด็นการเล่าเรื่องความซับซ้อนของการเติบโตของตัวละครหลัก การยอมรับตัวตนของตนเอง ส่วนนี้ที่ช่วยยกระดับขึ้นมาให้หนังดูมีความน่าสนใจขึ้น และสามารถสื่อความหมายออกมาได้ลึกซึ้งกินใจทีเดียว
สรุปการรีวิวหนัง No Hard Feelings
โดยรวมแล้วสรุปได้ว่า No Hard Feelings เป็นอีกหนึ่งภาพยนตร์แนวคอมเมดี้ ที่รับชมได้ง่าย สนุก บันเทิง จนน่าจะเข้าถึงหัวใจ และกลายเป็นเรื่องโปรดของใครหลายๆ คนไปแล้ว แม้บางช่วงจะมีจังหวะที่ตลกบ้าง ไร้สาระบ้าง แต่ก็เพราะธรรมชาติของหนังคอมเมดี้ก็ต้องเป็นแบบนี้อยู่แล้ว จึงไม่ได้ติดอะไร มีเรื่องเดียวแค่บทที่อาจจะดูเชยไปหน่อย และชอบการที่รู้จังหวะว่าผู้ชมต้องการอะไรแล้วก็ปล่อยออกมาในซีนถัดไปเลย จุดนี้ที่ทำให้เรียกเสียงหัวเราะจากผู้ชมได้แบบเต็มที่ที่สุดแล้ว ใครสนใจก็ต้องลองไปติดตามรับชมกัน