MONSTER (2023) หนังดราม่าจากญี่ปุ่นที่ดีที่สุดแห่งปี 2023 แม้เจ็บปวดแต่มันสวยงามเสมอ

หนังดราม่าจากญี่ปุ่นที่ดีที่สุดแห่งปี 2023 แม้เจ็บปวด

MONSTER มอนสเตอร์ ภาพยนตร์ดราม่าจากแดนอาทิตย์อุทัยสุดเข้มข้นแห่งปี 2023 ที่กระแสตอบรับดีมากและได้เป็นภาพยนตร์ที่เข้าชิงรางวัลบทภาพยนตร์ยอดเยี่ยมในเทศกาลหนังเมืองคานส์ แค่เห็นแบบนี้ก็รู้แล้วว่าดีกรีไม่ธรรมดา พอมารู้ชื่อของผู้กำกับเรื่องอย่าง ฮิโรคาสุ โคเรเอดะ อีกยิ่งทำให้ไม่ต้องสงสัยเลยว่านี่คือผลงานยอดเยี่ยมอย่างแน่นอน เราจะได้เข้าใจในบริบทของชีวิตเด็กที่กำลังเข้าสู่ช่วงวัยรุ่นผ่านตัวละครสองพี่น้องที่ชีวิตมืดหม่น พวกเขาได้เจออะไรมาบ้างแล้วทำไมถึงดราม่าขนาดนี้ต้องมาติดตามรีวิวกัน

ข้อมูลทั่วไปของหนังเรื่อง MONSTER

ชื่อภาพยนตร์ : MONSTER มอนสเตอร์

ผู้กำกับ : ฮิโรคาสุ โคเรเอดะ

นักแสดงหลัก : ซากุระ อันโด, เออิตะ นางายามะ, โซยะ คุโระคาวะ

แนวภาพยนตร์ : ดราม่า

วันที่ออกฉาย : 14 กันยายน 2023

เรื่องย่อ MONSTER

MONSTER จะเล่าถึงเรื่องราวของครอบครัวหนึ่งที่เป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวและลูกๆ ซาโอริ ที่เห็นว่าลูกชายอย่าง มินาโต๊ะ เริ่มมีพฤติกรรมประหลาด ทำให้อดสงสัยไม่ได้ว่ามีอะไรไม่ชอบมาพากล จนกระทั่งได้มารู้ว่าต้นเหตุทั้งหมดของเรื่องนี้คือครูประจำชั้นคนหนึ่ง เธอจึงได้ตัดสินใจไปคุยกับทางโรงเรียนเพื่อที่จะสอบถามหาความเป็นจริงว่าตอนนี้เกิดอะไรขึ้นกับลูกชาย แต่ทว่าเมื่อทุกอย่างถูกคลี่คลายแล้ว สิ่งที่ไม่คาดฝันก็เปิดเผยต่อหน้าเธอและคุณครูและเด็กๆ ในโรงเรียนขึ้น

เจาะรายละเอียดหนังเรื่อง MONSTER

ยอมรับว่าผลงานจากผู้กำกับมากฝีมืออย่าง ฮิโรคาสุ โคเรเอดะ ก็ยังคงโชว์ฟอร์มได้ต่อเนื่อง และขึ้นสู่รางวัลระดับโลกมากมาย เช่นเดียวกับภาพยนตร์เรื่องนี้ MONSTER มอนสเตอร์ ที่ได้คว้ารางวัลจากงานเทศกาลหนังเมืองคานส์ในสาขาบทภาพยนตร์ยอดเยี่ยมแห่งปี 2023 ด้วยความที่เป็นแนวดราม่าสุดเข้มข้น บทเรื่องสุดจัดจ้าน และมีความซับซ้อนที่ต้องตีความและใช้เวลาทำความเข้าใจกับเรื่องราวด้วย เพื่อที่จะตกผลึกความรู้สักของบรรยากาศและตัวละครในเรื่องที่แทบจะเจ็บปวดหัวใจกันเลยทีเดียว

การแสดง

การแสดงถือว่าเป็นพาร์ทสำคัญของเรื่อง MONSTER ที่ขาดไม่ได้เลย เพราะถ้าไม่ได้นักแสดงที่เข้าใจจังหวะของเรื่องราวนั้นก็คงจะไม่ได้ลงตัวเหมาะเจาะขนาดนี้ อย่าง ซากุระ อันโดะ และ เออิตะ นางะยามะ ที่เรียกว่าเป็นตัวละครหลักในการทำหน้าที่เป็นตัวเชื่อมเนื้อหาหลัก แก่นใจความของหนัง และช่วยประคองซีนการเล่าเรื่องรองอื่นๆ อีกด้วย ถือว่าทำได้ดีมาก ขณะเดียวกันด้าน ยูโกะ ทานะกะ ก็เซอร์ไพรส์ไม่น้อยเลย เพราะด้วยแอ็คติ้งที่ต้องเป็นคนพูดน้อย และให้ผู้ชมได้ตีความผ่านภาษากายของเธอแบบนี้ มันเป็นอะไรที่ดีมากๆ และไม่ได้ซับซ้อนถึงขั้นที่ดูยากขนาดนั้นเลย

ขณะเดียวกันด้าน โซยะ คุโระคาวะ ที่เล่นได้เกินวัยจริงๆ จนน่าจะเป็นนักแสดงน่าจับตามอง สีหน้าแววตา ดูน่าค้นหาไปหมด ถ่ายทอดออกมาดีเหมือนกับผ่านงานการแสดงมาแล้วมากมาย และอีกคนที่ไม่พูดถึงไม่ได้ ฮินาตะ ฮิอิรางิ ที่แสดงได้ดีมาก น่าประทับใจ ถึงจะมีภาพลักษณ์เป็นเด็กๆ แต่ก็ยังเต็มเปี่ยมไปด้วยความสดใส และถ่ายทอดความเป็นตัวตนออกมาได้ดีเกินคาด ต้องบอกว่านักแสดงทั้งคู่เล่นได้ดีจากการเห็นพวกเขาได้ทำให้สัตว์ประหลาดในเรื่องมีความแข็งแกร่งทรงพลังยิ่งขึ้นไปอีก

การกำกับและการผลิต

MONSTER ยังคงเป็นอีกผลงานที่ ฮิโรคาสุ โคเรเอดะ ทำออกมาได้คมคายเหมือนเดิม ซึ่งมั่นใจว่าจุดเด่นของเรื่องนี้ก็คงไม่พ้นเรื่องบทหนังเหมือนเดิม และควรค่ากับการรับชม และสมแล้วกับรางวัลนี้ โดยเฉพาะผู้เขียนบทต้นฉบับ ยูจิ ซากะโมโตะ ที่บางท่านอาจจะเคยรู้จักจากผลงานหนังเมื่อ 20 ปีที่แล้ว แต่ครั้งนี้ท้าทายยิ่งกว่าเดิม เพราะต้องถ่ายทอดออกมาให้มีความร่วมสมัยมากขึ้น เรียงลำดับเรื่องราวชัดเจนขึ้นให้อยู่ในกรอบเวลาของภาพยนตร์ ซึ่งก็ทำได้อย่างยอดเยี่ยม เพราะได้ฝีมือการกำกับของโคเรเอดะมาช่วยด้วย การสื่อสารจึงออกมาได้อย่างเข้าถึงอารมณ์ของเรื่องราว องค์ประกอบทุกอย่างลงตัวดีหมดเลย

บทภาพยนตร์

หลายคนถามว่า MONSTER จะเป็นอีกเรื่องที่ต้องตีความเยอะ แนวปรัชญาอะไรขนาดนั้นไหม เพราะกลัวว่าหนังดราม่าญี่ปุ่นที่จะชอบมาแนวๆ นี้ตลอดเลย ขอตอบว่าในผลงานของผู้กำกับอย่างโคเรเอดะถือว่าแกสามารถทำออกมาให้รับชมได้ง่ายๆ อยู่แล้ว ลื่นไหล ไม่ได้ซับซ้อนขนาดนั้น เพียงแต่ในทุกๆ ฉาก ทุกช่วง จะมีองค์ประกอบหลักและรองให้ผู้ชมได้โฟกัสตามไปด้วย ซึ่งองค์ประกอบหลักที่ว่านี้จะเป็นตัวนำไปสู่อารมณ์ร่วมของผู้ชม และเข้าใจในเนื้อหาหลักๆ ของเรื่องที่กำลังจะสื่อได้ ขณะเดียวกันองค์ประกอบเสริมเองก็จะช่วยเพิ่มอรรถรสมากยิ่งขึ้นไปอีกหากตีความได้ และในส่วนท้ายของเรื่องก็มีสรุปจบที่คมคาย กินใจผู้ชมได้แบบไม่ต้องปล่อยให้เคว้งคว้างจินตนาการไปเองด้วย

การถ่ายภาพและโปรดักชั่น

ด้านโปรดักชั่นนั้นอาจจะไม่ได้มีอะไรหวือหวาขนาดนั้น แต่ชอบกับการจัดบรรยากาศเรื่องแบบนี้จริงๆ เพราะให้กลิ่นอายความฟิล์มญี่ปุ่นที่คลาสสิคมาก จะผ่านไปกี่ยุคกี่สมัยก็ยังคงตราตรึงใจคนที่ชื่นชอบฟิล์มญี่ปุ่นโทนเหงาๆ แบบนี้ โดยเฉพาะการจัดแสงในแต่ละฉากทำได้ดีมาก แม้แต่ในช่วงกลางวันแดดจ้าๆ ก็ยังทำให้มู้ดโทนมันออกมาเหงาและมืดเทาได้ ซึ่งมันสะท้อนได้แบบทัชไปถึงใจของตัวละครจริงๆ การเล่นกับสีในแต่ละฉากก็เข้ากับโทนอารมณ์ในช่วงเวลาแต่ละช็อตได้ดีแบบไม่รู้สึกขัดกันเลย

เสียงและดนตรี

สิ่งที่น่าสนใจสำหรับ MONSTER อีกอย่างคือเรื่องนี้จะได้ฟังเพลงเพราะๆ จาก ริวอิจิ ซากะโมโตะ มาเป็นเพลงประกอบภาพยนตร์กันอีกด้วย ซึ่งเป็นผลงานเพลงช่วงท้ายๆ ในชีวิตของนักดนตรีท่านนี้ก่อนที่จะจากไปอย่างไม่มีวันหวนกลับไปเมื่อปี 2023 ที่ผ่านมา ให้เราได้ร่วมไว้อาลัยกับการจากไปพร้อมกับผลงานดีๆ ที่เข้ากันกับโทนของหนังเรื่องนี้ดีมากเลยทีเดียว

ธีมและประเด็น

ธีมหลักของเรื่อง Monster ก็คงจะเป็นประเด็นของความคิดในจิตใจของเด็กๆ ที่สะท้อนให้เห็นว่าถ้าเด็กๆ ได้รับข้อมูลไปแบบไหน พวกเขาก็คงต้องโตมาในความรู้สึกนึกคิดแบบนั้น ซึ่งมันทั้งเศร้า ดูหม่นหมอง แต่ขณะเดียวกันก็มีมุมที่ยังให้เราเห็นอยู่ว่ายังพอมีด้านดีที่เป็นความหวังกลับมาได้อยู่ ชอบแนวคิดที่บอกว่า เราทุกคนต่างก็เป็นสัตว์ประหลาดในจิตใจของอีกคนหนึ่งเสมอ เรื่องราวที่เด็กๆ นั้นต้องเจอในชั้นเรียน ประเด็นสังคมที่เสียดสีกันได้แบบตรงไปตรงมาแม้แต่ในวัยเด็กเอง แต่ในความเศร้าแย่ลงแบบนี้ มันก็มีมุมให้ความหวังและประทับใจหลงเหลืออยู่เหมือนกัน

ความประทับใจส่วนตัว

ทั้งหมดนี้ก็คืออีกหนึ่งผลงานที่น่าชื่นชมให้กับผู้กำกับฝีมือดี ฮิโรคาสุ โคเรเอดะ ส่วนตัวถือว่าทำได้ดีมากและให้ติดอันดับต้นๆ ของผลงานทั้งหมดได้เลย หลายอย่างดูมีความละเอียด พิถีพิถัน และยังให้มาตรฐานเดิมของผู้กำกับคนนี้เอาไว้ตามลายเซ็นต์ไม่เปลี่ยนแปลง แต่ก็ไม่ได้ทำให้น่าเบื่อแต่อย่างใด เพราะหลายองค์ประกอบดูจะเข้ากันดีและสอนเราได้หลายๆ อย่างหลังจากที่รับชมจบแล้ว

คะแนนการประเมิน

IMDb : 7.8/10

ภาพรวม : 9/10

การเล่าเรื่อง : 8/10

การแสดง : 9/10

เทคนิคงานสร้าง : 8/10

บทภาพยนตร์ : 9/10

เปรียบเทียบกับภาพยนตร์เรื่องอื่น

Monster จะให้ฟีลลิ่งคล้ายกับเรื่อง Nobody Knows (2004) ที่ผู้กำกับโคเรเอดะนี้เองเคยทำผลงานไว้ ไม่ว่าจะเป็นโทนเรื่อง บรรยากาศ เนื้อหาที่เข้มข้น มีการใช้ประเด็นสะท้อนสังคมเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย ขณะเดียวกันก็ไม่ได้ทิ้งไว้แต่ความดราม่าให้ปวดใจ เพราะก็มีมุมที่เล่าได้ประทับใจ สามารถสรุปเรื่องราวทั้งหมดได้ในแง่บวก ให้พลังงานดีๆ กับผู้ชมได้ไปตกตะกอนความคิดที่ดีๆ อีกครั้ง วิธีการเล่าก็ให้กลิ่นอายแบบผลงานเก่าๆ ของผู้กำกับคนเดิมนี้เลย เพียงแต่ในตัวเนื้อเรื่ององค์ประกอบฉากต่างๆ จะมีความปรับให้ทันยุคสมัยปัจจุบันนี้ขึ้น

สรุปการรีวิวหนังเรื่อง MONSTER

สรุปโดยรวมนั้น Monster มอนสเตอร์ เป็นอีกหนึ่งเรื่องสำหรับภาพยนตร์แนวดราม่าจากญี่ปุ่น ที่เน้นเล่าเรื่องในประเด็นทางสังคม ผ่านตัวละครอย่างเด็กๆ ให้ได้เข้าใจและเห็นในมุมมองที่พวกเราไม่ค่อยจะได้เห็นกันและบางคนอาจจะคาดไม่ถึงด้วย มีประเด็นเนื้อหาที่เข้มข้น ดราม่าแบบเข้าถึงอารมณ์ องค์ประกอบโดยรวมที่ทำถึงก็ทำให้ยิ่งส่งโทนหนังได้มากยิ่งขึ้นไปอีก การเล่าเรื่องที่สนุก น่าติดตาม ไม่น่าเบื่อหรือง่วงก่อนแบบหนังญี่ปุ่นเนิบๆ เรื่องอื่นเลย แถมยังสามารถปิดจบสรุปในท้ายเรื่องได้อย่างยอดเยี่ยมมากๆ มีความหมายและทรงพลัง ได้รับพลังบวกดีๆ หลังรับชมจบแน่นอน

Categories