random pictures blog
Search

Long Live Love! (2023) ลอง ลีฟ เลิฟว์ เมื่อชีวิตคู่เริ่มจืดจาง จะหย่าร้าง..แต่ดันความจำเสื่อมซะก่อน

เมื่อชีวิตคู่เริ่มจืดจาง จะหย่าร้าง แต่ดันความจำเสื่อมซะก่อน

Long Live Love! นี่คือหนังไทยน่าสนใจอีกเรื่องเพราะน่าจะได้บรรยากาศแปลกๆ แต่ดันออกมาดีจนน้ำตามซึม ที่สำคัญเห็นรายชื่อนักแสดงแล้วบอกเลยว่าไม่ธรรมดาทีเดียว แต่บางท่านอาจจะรับชมแล้วเข้าใจยากสักหน่อย จนสงสัยว่ามันเป็นหนังประเภทไหนกันแน่ ลอง ลีฟ เลิฟว์ น่าจะเป็นภาพยนตร์ไทยแนวคอมเมดี้-ดราม่า ที่มีทั้งฉากตลกให้ฮา พร้อมกับฉากร้องไห้สุดฉ่ำ มีหลายซีนหลายอารมณ์มากๆ จนเชื่อว่าต้องถูกใจกันบ้างไม่มากก็น้อย

ข้อมูลทั่วไปของหนังเรื่อง Long Live Love!

  • ชื่อภาพยนตร์ : Long Live Love! ลอง ลีฟ เลิฟว์!
  • ผู้กำกับ : ปิยะกานต์ บุตรประเสริฐ
  • นักแสดงหลัก : ซันนี่ สุวรรณเมธานนท์, อารยา เอ. ฮาร์เก็ต, รีเบคก้า แพทรีเซีย อาร์มสตรอง
  • แนวภาพยนตร์ : ตลก / ดราม่า
  • วันที่ออกฉาย : 29 มิถุนายน 2023

เรื่องย่อ Long Live Love!

Long Live Love! ลอง ลีฟ เลิฟว์ จะพูดถึงเรื่องราวของคู่รักอย่าง สติ และ เมตตา ที่ทั้งคู่แต่งงานกันมาได้มากกว่า 10 ปี แล้ว และต่างใช้ชีวิตด้วยกันจนมีลูกสาว นะโม ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ค่อยๆ จืดจางลงจนมาถึงวันที่ตัดสินใจแยกทาง เพราะฝั่งสามีอย่างสติ ทำตัวไม่เอาไหน ไม่มีความรับผิดชอบ แต่ทว่าโชคชะตาก็ดันมาเล่นตลก เพราะจู่ๆ สามีอย่างสติกลับเกิดอุบัติเหตุกระทันหัน เมื่อตื่นมาก็พบว่าความจำเสื่อม

มีวิธีการเดียวที่จะทำให้ความจำของเขากลับมาได้ คือการตามเก็บรูปถ่ายเก่าๆ ที่เขาเคยได้ถ่ายภาพไว้ เพื่อที่จะได้รำลึกและย้อนเวลากลับไปสำรวจความทรงจำของตัวเองอีกครั้ง และการทำแบบนี้ดูเหมือนว่าจะเป็นการขุดคุ้ยไปถึงอดีตและเหตุการณ์สุดพลั้งพลาด จากความไม่เอาไหนของเขา ที่คอยย้ำเตือนสติและความทรงจำให้กลับมาให้ได้ ก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป

การแสดง

ด้านทีมนักแสดงนั้น ต้องบอกตามตรงเลยว่าเป็นสิ่งที่ทำให้ช่วยยกระดับความน่าสนใจของเรื่อง Long Live Love! ได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะ ซันนี่ สุวรรณเมธานนท์ ที่เล่นเรื่องนี้ก็ยังมีเสน่ห์และสกิลการแสดงมาเต็มเหมือนเดิม มาในบทบาทที่มีความเป็นตัวเองได้แบบมีเอกลักษณ์ กวนๆ ถึงมันจะดูซ้ำจากคาแรคเตอร์ผลงานก่อนๆ แต่ก็ต้องเชื่อว่านี่คือสิ่งที่น่าจะเหมาะกับเขาที่สุดแล้ว และก็เข้ากับหนังได้ดีด้วย ทางฝั่งภรรยาอย่าง ชมพู่ อารยา เอฮาร์เก็ต ที่หายหน้าหายตาจากบทบาทการแสดงไปได้สักพักและกลับมาอีกครั้ง ซึ่งในบทนี้ก็ถือว่าทำได้ดี และเลือกได้เหมาะมาก ดูเหมือนว่าจะเป็นบทที่เหมาะกับจังหวะของแม่ชมพู่ที่มาแบบลุคนี้พอดี

ป๋อมแป๋ม ธิติ ที่มาขโมยซีนสุดฮาและปรับมู้ดโทนของหนังได้ดีมาก พร้อมกับ เบคก้า แพทรีเซีย อาร์มสตรอง วัยรุ่นสาวนักแสดงหน้าใหม่ ที่น่าสนใจอีกคนหนึ่งในวงการ ถ่ายทอดการแสดงอารมณ์ต่างๆได้ต้องมีเสน่ห์ดีมาก แม้ซีนจะไม่ค่อยเยอะแต่ก็เป็นอีกตัวละครสำคัญ ปีเตอร์ นพชัย และ นน ศดานนท์ เองก็มาเป็นตัวเสริมทัพ จากฝีมือการแสดงสองหนุ่มที่น่าจะเป็นอันดับต้นของวงการ และนักแสดงรับเชิญต่างๆ อีกมากมาย ที่มาเพิ่มสีสันและทำให้โมเม้นของเรื่องนี้มันกลมกล่อมครบรส

การกำกับและการผลิต

ทางผู้กำกับหญิงอย่าง มุก-ปิยะกานต์ บุตรประเสริฐ ที่ดีกรีไม่ธรรมดาเพราะเธอก็เคยมีประวัติแจ้งเกิดในผลงานซีรีส์ระดับตำนานของไทย  เนื้อคู่ประตูถัดไป หลายๆ คนน่าจะคุ้นเคยกัน ครั้งนี้ก็มากำกับและเขียนบท  Long Live Love! เองอีกด้วย เราเลยจะได้เห็นลายเซ็นของผู้กำกับท่านนี้ ที่มีทั้งจังหวะการเล่าเรื่องเกี่ยวกับความรัก มุมมองความรักที่เจ็บปวด และไม่ค่อยหาดูได้ในภาพยนตร์ไทยกันบ่อยๆ บวกกับความเป็นคอมเมดี้ที่สีสันดีทีเดียว ถือว่าแปลกใหม่และน่าสนใจอย่างมาก

บทภาพยนตร์

Long Live Love! ถือว่ามีบทหนังที่ค่อนข้างสูงในชั้นเชิงเมื่อเทียบกับหนังไทยเรื่องอื่นมาก น่าจะเป็นบทหนังไทยที่ไม่มีที่ติ การจัดลำดับต่างๆ ที่ลงตัวมาก การเล่าเรื่องลื่นไหลไปหมด ไม่มีข้อติดขัดอะไรเลย แม้จะมีบางช่วงที่หย่อนๆ เนือยๆ ผ่อนลงตามไดนามิคของหนังแต่ละช่วงอารมณ์ไปบ้าง แต่โดยรวมแล้วบทมาช่วยเสริมหนังและตัวนักแสดงได้มากจริงๆ

การถ่ายภาพและโปรดักชั่น

ด้านโปรดักชั่นและงานภาพ Long Live Love! ก็ไม่ได้ขี้เหร่เลย เราจะสังเกตว่ามีการใช้วัตถุในฉากเพื่อช่วยในการเล่าเรื่องอยู่บ่อยๆ ซึ่งมันทำให้มีความโดดเด่น และมาเสริมตัวหนังได้โทนอารมณ์ค่อนข้างดี ถือว่ามีความใส่ใจรายละเอียดเป็นพิเศษ งานภาพก็ถือว่าดูสดใหม่และแปลกตาไปจากภาพยนตร์ไทยทั้งดีไซน์ของมุมภาพ มุมกล้องต่างๆ มันรับกับเรื่องของการตัดต่อลื่นไหลและสมูททีเดียว

เสียงและดนตรี

การใช้ซาวน์ประกอบก็น่าจะเป็นอีกส่วนสำคัญของ Long Live Love! ที่ช่วยผลักอารมณ์ของผู้ชมไปได้ถึงขีดสุด เข้ามาช่วยบิวท์อารมณ์ยิ่งในซีนดราม่าทำถึงมากๆ ส่วนฉากอื่นๆ ก็ค่อนข้างเซอร์ไพรส์ที่เอาลูกเล่นอย่างดนตรีโทนเสียงอีสานเข้ามาด้วย ถึงจะไม่ค่อยเข้ากับธีมพื้นหลังของเรื่อง แต่ก็ยังเข้ากับจังหวะของซีนนั้นได้พอดีเหมือนกัน เป็นอะไรที่แปลกใหม่และช่วยเพิ่มอารมณ์ความสนุกได้มากขึ้นเยอะเลย

ธีมและประเด็น

โดยหลักๆ แล้วเราจะเห็นว่า Long Live Love! จะเน้นการเล่นในประเด็นของความสัมพันธ์คู่รัก ที่ค่อยๆ จืดจางลง อย่างตัวละครหลักของเรื่อง ซึ่งมันสามารถสะท้อนปัญหาการหย่าร้างของคู่รักในสังคมไทย ที่หลังจากแต่งงานกันไปแล้ว ความรักก็ค่อยๆ หวานน้อยจนกระทั่งจืดลงไปในที่สุดก่อนที่จะตัดสินใจเลิกลากัน ตัวหนังเลยหยิบเอาประเด็นความจำเสื่อม มาเล่าให้ผู้ชมได้เห็นภาพในอีกมุม ว่าหากย้อนเวลาไปได้เราจะแก้ไขอะไรบ้าง และจะรู้สึกอะไรกับสิ่งที่ไม่ควรทำไปในอดีต

ความประทับใจส่วนตัว

ภาพรวมนั้น Long Live Love! ก็เป็นอีกหนึ่งภาพยนตร์ไทยที่เซอร์ไพรส์คนดูหลายๆ เรื่อง มีแง่คิดหลายอย่างให้เราได้คิดตามไปด้วย ได้ตระหนักถึงความรักความสัมพันธ์ที่มีอยู่ แทรกประเด็นเกี่ยวกับปัญหาครอบครัวที่มันก็สะท้อนความจริงแบบเรียลๆ ทำให้มีบทหนังที่ส่งอารมณ์มาถึงคนดูได้จริง การใช้เทคนิคต่างๆ ที่ช่วยเสริมมู้ดโทนของหนังได้เข้าถึงความลึกได้มากขึ้นไปอีก ซึ่งมันอาจจะไม่ใช่หนังแนวใหม่ของต่างชาติเท่าไร แต่พอมาเป็นความรักความสัมพันธ์ของคู่รักคนไทยที่สะท้อนผ่านตัวละครหลักในเรื่องนี้แล้ว ก็รู้สึกว่าแปลกใหม่และมันดีมากๆ

คะแนนการประเมิน

IMDb : 6.3/10

ภาพรวม: 8/10

การเล่าเรื่อง : 8/10

การแสดง : 9/10

เทคนิคงานสร้าง : 8/10

บทภาพยนตร์ : 8/10

เปรียบเทียบกับภาพยนตร์เรื่องอื่น

เชื่อว่ามีผู้ชมไม่น้อยเลยที่เข้าใจผิดว่านี่คือหนังเรื่องใหม่จากค่าย GDH เพราะมันทำให้เข้าใจแบบนั้นจริงๆ ทั้งทีมนักแสดง โทนภาพต่างๆ พล็อต บทหนัง ดูจัดส่งไปในทางนั้นหมด แต่ในความเป็นจริงแล้ว Long Live Love! เป็นหนังที่มาจากทีมผู้สร้างอิสระ ซึ่งไม่ได้มาจากค่ายหนังใดเลย แต่เพราะว่ามีทีมงานที่เคยทำงานจากจีดีเอชมาร่วมจอยด้วยมากมายนั่นเอง ดังนั้นพอเอาไปเทียบกับภาพยนตร์เรื่องอื่น มันเลยยกระดับเรื่องนี้ขึ้นไปสูงเลยจริงๆ และตัวหนังมันเองก็ดีมากกว่าอยู่แล้วด้วย

สรุปการรีวิวหนังเรื่อง Long Live Love!

หากถามว่า Long Live Love! จะเป็นหนังแมสหรือเปล่า คำตอบคือน่าจะไม่ใช่ทั้งหมด ทั้งๆ ที่ธีมและประเด็นต่างๆ นั้นในเรื่องทำออกมาได้โดนใจมากๆ การตีโจทย์ความเป็นหนังรักในอีกมุมมองหนึ่งก็น่าสนใจดีทีเดียว บวกกับความอินดี้ ความยูนีค การเซอร์ไพรส์ช็อตต่างๆ ก็ดีไปหมด แต่ดูเหมือนจะไม่ได้แมสจากกระแสผู้ชมมากขนาดนั้น ชอบการที่ตัวหนังพยายามจะบอกเราว่าทุกคู่รักมักจะมีฝ่ายที่รักมากกว่าอีกฝ่ายอยู่เสมอ จนทำให้ลืมรักตัวเองในที่สุด อย่างไรก็แล้วแต่อยากให้ติดตามรับชมกัน

Categories