random pictures blog
Search

รีวิว Leave the World Behind (2023)

อีกหนึ่งโปรเจคหนังระดับโลกที่น่าติดตามของปี 2023

อีกหนึ่งโปรเจคหนังระดับโลกที่น่าติดตามของปี 2023 เลยทีเดียว สำหรับเรื่อง Leave the World Behind ที่ตอนนี้ได้ลงจอ Netflix ให้ได้รับชมกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งบอกเลยว่ารายชื่อนักแสดงแต่ละคนนั้นไม่ธรรมดา ตัวหนังยังดัดแปลงมาจากนวนิยายเรื่องเยี่ยมชื่อดังที่ยังถูกกล่าวขานว่าเป็นงานเขียนที่ดีที่สุดในรอบ 10 ปีอีกด้วย หนังแนว Sci-fi ทริลเลอร์สุดลุ้นระทึก ที่ยังแฝงแนวคิดด้านจิตวิทยาทำเอาผู้ชมต้องหัวเสียกับการหักมุมของเรื่องกันเลยทีเดียว

 

สำหรับ Leave the World Behind เป็นเรื่องราวที่เล่าถึงครอบครัวหนึ่ง ที่ตัดสินใจไปเที่ยวในช่วงวันหยุด ทั้ง เคลย์ อแมนด้า และลูกๆ ของพวกเขา ได้ตัดสินใจไปเช่าบ้านพักตากอากาศอยู่ที่บริเวณริมหาดแห่งหนึ่งในนิวยอร์ก แต่ทว่ากลับถูกขัดจังหวะจากคนผิวสีที่มาแสดงตัวเป็นเจ้าของบ้านหลังเดียวกันที่เช่ามานี้ ขณะเดียวกันก็เกิดเหตุการณ์ไฟดับขึ้นไปทั่วเมือง แถมอินเตอร์เน็ต และสัญญาณโทรศัพท์ยังใช้การไม่ได้ ทำให้ทั้งหมดถูกตัดจากโลกภายนอกไปอย่างสิ้นเชิง

แต่แล้วก็มีเสียงประหลาดเกิดขึ้น ซึ่งก็เป็นช่วงเดียวกับที่ สัตว์ต่างๆ ในป่าที่ใกล้กับบ้านเช่าตากอากาศแห่งนี้พากันอพยพ และมีท่าทางที่ผิดปกติไปหมด ยิ่งทำให้ครอบครัวและเด็กๆ ต้องหวาดกลัว เกิดเป็นกำแพงของความระแวง ระหว่างเจ้าของบ้าน และผู้เช่าครอบครัวนี้ ที่ต้องมาเจอกันด้วยเหตุการณ์สุดประหลาดรอบตัวเต็มไปหมด

บอกก่อนเลยว่าผู้กำกับอย่าง แซม เอสเมลล์ ที่มารับหน้าที่การกำกับดูแลเรื่องนี้ ถือว่าเป็นหนังฟอร์มยักษ์ที่สุดตั้งแต่ผลงานที่เขาเคยมีมา ซึ่งแน่นอนว่าผลงานของเขาก็โดดเด่นในเรื่องของการทำหนังแนวหายนะวันสิ้นโลกได้เป็นอย่างดีอยู่แล้ว บวกกับพล็อตของเรื่องนี้อีกเลยทำให้เราค่อนข้างคาดหวังทีเดียว และเมื่อรับชมแล้วบอกตามตรงเลยว่าซับซ้อนยิ่งกว่าที่เราคิดไว้

นี่คือหนังแนวหายนะที่ผสมความเป็นจิตวิทยา ตัวเรื่องค่อยๆ ให้รายละเอียดของหนังกับผู้ชมสุดจะป่วยไปทีละเรื่อง ยิ่งดูก็ยิ่งรู้สึกผูกปมปัญหาเข้าเรื่อยๆ จนเรายิ่งงง ยิ่งสับสน กับความซับซ้อนของดีเทลต่างๆ ที่ทางผู้กำกับค่อยๆ ประเคนมาอย่างต่อเนื่อง แต่ก็ไม่รู้สึกว่ามีอะไรแปลกใหม่ไปกว่าสไตล์เดิมๆ ของผู้กำกับคนนี้เลย

สิ่งหนึ่งที่ค่อนข้างเห็นได้ชัดเจนคือบทพูดของตัวละครที่ดูจากประดิษฐ์ประดอยไปหน่อย จนมันไม่มีความเป็นธรรมชาติเลย แม้ว่าเราจะเห็นนักแสดงก็พยายามส่งอารมณ์ด้วยการแสดงออกทางท่าทาง แต่บทพูดดูยังไงก็เหมือนกับคำนิยายที่ถอดมาจากหนังสือเนื้อเรื่องต้นฉบับ จนอดสงสัยไม่ได้ว่าทางผู้กำกับไม่คิดที่จะเปลี่ยนบทพูดของตัวละครสักหน่อยเลยหรือ

Leave the World Behind เล่าเรื่องได้น่าสนใจในช่วงแรกของหนัง การปูเรื่องราวมาได้ค่อนข้างดี การปูบรรยากาศก็ทำให้รู้สึกกดดัน และตื่นเต้นมากขึ้น แต่พอคุณดูเริ่มจับทิศทางได้ หนังกลับเล่าเรื่องราวที่ทำให้เข้าใจยากออกไปเรื่อยๆ จนไม่รู้สึกถึงจุดเด่นที่น่าสนใจเลย จะใช้คำว่าดรอปจากในช่วงแรกก็คงได้

อีกสิ่งหนึ่งที่ผู้ชมทุกท่านควรรู้เลยคือ หนังค่อนข้างใช้การตีความมากระดับหนึ่งทีเดียว เราจะเห็นสัญลักษณ์และข้อความหลายจุด ที่แอบแทรกเข้ามาซึ่งเราจะต้องวิเคราะห์และตีความหมายของมันให้ได้ ถึงจะเข้าใจแก่นของเรื่องที่ผู้กำกับแอบซ่อนไว้ ตรงนี้บอกเลยว่าถ้าใครไม่ใช่คอหนังที่ดูและตีความบ่อยๆ มันจะปล่อยให้คุณงง และคุณจะไม่เข้าใจว่าหนังจะสื่อถึงอะไร

ในภาพรวมนั้นก็ต้องบอกว่า Leave the World Behind เป็นหนังไซไฟล์ทริลเลอร์ ที่ไม่ค่อยเข้าใจเรื่องราว และดูยากในระดับหนึ่งสำหรับมือใหม่ ต้องอาศัยการตีความค่อนข้างเยอะ และเป็นหนังที่จบปลายเปิด บวกกับการปั่นประสาทผู้ชมจากสถานการณ์ ที่นำเสนอผ่านตัวละคร บรรยากาศโดยรอบ ที่ถึงแม้จะใส่มาได้กดดันค่อนข้างดี แต่พอสื่อถึงผู้รับชมแล้วมันกลายเป็นว่ายิ่งดูยิ่งอึดอัดซะอย่างนั้น

แม้ตัวเรื่องราวจะซ่อนข้อคิดและความหมายเอาไว้ก็จริง แต่พอมันไม่ได้ทำออกมาให้สุดจนผู้ชมตีความไม่ได้ มันก็ไม่ต่างอะไรจากงานศิลปะที่เข้าถึงได้ยาก เพราะความคมของเรื่องที่ยังไม่มากพอ เลยกลายเป็นว่าเรื่องนี้ได้บรรยากาศที่ตื่นเต้นแต่ยังทำไม่ถึง สำหรับใครที่ชื่นชอบหนังแนวหายนะ วันสิ้นโลก ลองไปรับชมดูก่อนก็ได้ อาจจะชื่นชอบอยู่บ้างก็ไม่ได้ถึงกับแย่ไปหมดซะเดียว ยังไงก็ต้องลองไปติดตามรับชมกัน

Categories