Damsel ดรุณีผู้พิชิต ภาพยนตร์แนวแอ็คชั่นแฟนตาซีจากทาง Netflix ที่ฟอร์มมาดี ยิ่งใหญ่ อลังการ พร้อมพลิกโฉมความเป็นเทพนิยายแบบเก่าๆ ของผู้ชม ให้ได้พบกับเจ้าหญิงที่ต้องมากลายเป็นนักรบจำเป็น เพื่อที่จะเอาชีวิตรอดจากพิธีกรรมสังเวยเธอให้กับ มังกรปีศาจโบราณ ซึ่งได้นักแสดงคุ้นหน้าอย่าง มิลลี่ บ็อบบี้ บราวน์ ที่เคยฝากผลงานไว้แล้วกับเรื่อง Stranger Things และยังมีนักแสดงชั้นนำมากมายให้ได้ติดตาม
ข้อมูลทั่วไปของหนังเรื่อง Damsel ดรุณีผู้พิชิต
ชื่อภาพยนตร์ : Damsel ดรุณีผู้พิชิต
ผู้กำกับ : ยวน คาร์ลอส เฟรสนาดิลโล
นักแสดงหลัก : มิลลี บ็อบบี บราวน์, โรบิน ไรท์, แองเจลา บาสเซ็ตต์, นิค โรบินสัน
แนวภาพยนตร์ : แอคชัน / ผจญภัย / แฟนตาซี
วันที่ออกฉาย : 8 มีนาคม 2024
เรื่องย่อ Damsel
Damsel ดรุณีผู้พิชิต เป็นเรื่องราวของ เอโลดี้ สาวน้อยผู้ที่ถูกบังคับให้เข้าร่วมพิธีสมรสอย่างจำใจร่วมกับเจ้าชายในต่างแดนที่แม้แต่เธอเองก็ไม่เคยได้ยินชื่อมาก่อน เพราะผู้อยู่เบื้องหลังต้องการหวังให้การปรองดองในครั้งนี้จะช่วยกำจัดภัยร้ายที่ทำให้ชาวบ้านชาวเมืองต้องทุกข์ยากนี้หมดไปได้ แต่ทว่าเธอกลับต้องมาเจอกับเรื่องราวที่พลิกผันชีวิต และเต็มไปด้วยเรื่องไม่คาดฝันเกิดขึ้น และคำหลอกลวงมากมายที่ทำให้เธอได้รู้ว่า แท้จริงแล้วงานพิธีแต่งงานนี้เป็นเพียงเรื่องหลอกใช้ให้เธอมาเป็นเครื่องสังเวยกับมังกรโบราณที่ชาวหมู่บ้านต่างเชื่อและศรัทธา และแน่นอนว่าเธอไม่ยอมให้เรื่องราวครั้งนี้จบลงได้ง่าย
เจาะรายละเอียดหนังเรื่อง Damsel
สำหรับท่านไหนที่อยากรับชม Damsel และคาดหวังว่าจะได้ชมคอนเท้นต์จากหนังในโทนๆ ฮีโร่สาว มีความแฟนตาซีอลังการ ฉากพื้นหลังในธีมย้อนยุคแบบนี้ถือว่ามาตรงโจทย์แล้ว เพราะนี่คือหนังแอ็คชั่นสุดแฟนตาซีที่จัดเต็ม แม้ทุนสร้างจะไม่ได้ยิ่งใหญ่มาก แต่กลับได้ผลงานที่อยู่ในระดับฟอร์มใหญ่ และได้ลงจอสตรีมมิ่งทั่วโลกเป็นที่เรียบร้อยแล้วผ่าน Netflix
การแสดง
ด้านการแสดงถือว่ามีดาวเด่นที่แบกเรื่อง Damsel ไว้อย่าง มิลลี บ็อบบี บราวน์ ตัวละครหลักของเรานี้เองที่เล่นได้ดีมาก แม้ว่าคาแรคเตอร์จะดูผ่านๆ แล้วเหมือนไม่มีอะไรมากมาย แต่สาวน้อยที่ดูไม่มีพิษภัยก็ได้มาเป็นเจ้าหญิงสายบู๊ได้ในที่สุด ไม่ว่าจะฉากแอ็คชั่นแบบไหนก็เล่นได้ดี เก็บได้เป๊ะ ไม่มีหย่อน ได้ฟีลลิ่งแบบดูหนังซูเปอร์ฮีโร่หญิงเท่ๆ ยิ่งในช่วงครึ่งหลังนั้นยิ่งเข้มข้น แถมยังได้ตัวละครสมทบมากมาย โรบิน ไรท์, แองเจลา บาสเซ็ตต์, นิค โรบินสัน, และ เรย์ วินสโตน ที่มาช่วยเสริมบทรองต่างๆ ในเรื่องให้ลื่นไหลค่อนข้างดี แต่ก็ยังไม่ได้ใช้ประโยชน์ของตัวละครแต่ละตัวอย่างคุ้มค่า เพราะซีนถือว่ายังมีน้อย
การกำกับและการผลิต
ไม่น่าเชื่อว่าทาง Netflix จะไปนำเอาผู้กำกับอย่าง ยวน คาร์ลอส เฟรสนาดิลโล กลับมาโชว์ฟอร์มผลงานกันอีกครั้ง เพราะผลงานเรื่องสุดท้ายที่หลายคนจำได้คงจะเป็น 28 Week Later ที่ผ่านมาเกือบ 20 ปีแล้ว หลังจากนั้นก็หายหน้าไปนานกันเลยทีเดียว จะมีก็แต่ผลงานซีรีส์นิดๆ หน่อยๆ เท่านั้น การได้กลับมาจับเรื่อง Damsel เลยค่อนข้างจะเซอร์ไพรส์ทีเดียว และคาดหวังกับผลงานอยู่นิดหน่อย เพราะเป็นแนวที่เขาไม่เคยทำมาก่อนด้วย โดยผลลัพธ์ที่ได้นั้นถือว่าออกมาดีเลย ผ่านมาตรฐานแบบไม่มีที่ติ เพราะหนังมีเบสจากความเป็นแนวแฟนตาซีอยู่แล้ว ยิ่งบวกกับธีมสไตล์นิทานที่ย้อนยุคย้อนสมัยไปด้วยเลยไม่ติดใจอะไรเลย ต้องชื่นชมว่าเขาจับหนังแนวไหนก็ทำได้ดีเสมอ
บทภาพยนตร์
ทั้งตัวบทและบรรยากาศหลายอย่างของ Damsel มันมุ่งตรงไปในทางเกี่ยวกับการย้อนยุคจ๋า แต่ละฉากเลยจะมีแต่บทที่มีความเป็นน้ำเน่า แต่ก็ดูแล้วเข้าใจได้ มาบวกกับความเป็นแนวแฟนตาซี ยิ่งใหญ่ในสเกลของภาพยนตร์ขึ้น ความเป็นนิทานครั้งนี้มันเลยดูมีมิติมากกว่าแค่อยู่ในหนังสือ เราจะได้กลิ่นอายที่คล้ายๆ กับตำนานอย่าง The Lord of the Rings แต่ความยิ่งใหญ่นั้นอาจจะยังไม่ได้ถึงขั้นที่เป็นมหากาฬฟอร์มยักษ์ที่ทุกคนต้องดู
การถ่ายภาพและโปรดักชั่น
ด้านงานสร้างของ Damsel ถือว่าเป็นที่พอใจ ถึงแม้จะมีการเก็บรายละเอียดอยู่บ้าง มีหลุดบ้าง แต่ก็พอรับได้ ตัวหนังยังทำได้ดีไม่ได้แย่ขนาดทิ้งร่องรอยไว้ชัดเจนขนาดนั้น มีจุดเล็กๆ นิดหน่อย แต่ก็สามารถมองข้ามได้ไม่ยากอะไร ส่วนรายละเอียดด้านโปรดักชั่นอื่นๆ ก็ถือว่าจัดมาได้เหมาะกับองค์ประกอบในแต่ละฉาก อยู่ในเกณฑ์ค่อนข้างดีทีเดียว มีความอลังการตามแบบฉบับแนวแฟนตาซีที่ควรจะเป็น
ธีมและประเด็น
บทและพล็อตของหนังของเรื่อง Damsel นั้นก็มาในเรื่องราวของการเอาใจช่วยตัวละครหลักที่เป็นหญิงสาวต้องเอาตัวรอดจากการถูกเป็นเครื่องสังเวยให้กับมังกรโบราณ ซึ่งยังได้ แดน มาโซ ที่เป็นหนึ่งในคนเขียนบทจากภาพยนตร์ Fast X ที่มาปล่อยความมันส์ในการผจญภัยกันในครั้งนี้ เราจะได้ชมกลิ่นอายความสนุกแบบแน่นๆ ล้นๆ ตามสไตล์นักเขียนบทอย่างเขา ซึ่งก็มีการเดินเรื่องตามสูตรสำเร็จแบบเดิมๆ แต่ก็มองว่าดีตรงที่คนดูแล้วเข้าใจง่าย เข้าถึงง่ายทุกเพศทุกวัย รับชมได้แบบปล่อยจอยไม่ต้องซีเรียส ไม่ต้องตีความอะไรให้ยุ่งยาก ตั้งแต่ต้นจนจบเรื่อง ถือว่าเล่าได้สนุกตามพล็อตแฟนตาซี
ความประทับใจส่วนตัว
สำหรับความเห็นส่วนตัวแล้ว Damsel ถือว่าบทมีความแปลกใหม่ดี จากภาพจำหนังเทพนิยายแบบเดิมๆ ที่เจ้าหญิงต้องมานั่งรอเจ้าชายมาช่วยชีวิต แต่ไม่ใช่สำหรับเรื่องนี้ เพราะเธอต้องลุกขึ้นสู้ตัวคนเดียว ตัวละครก็มีมิติ ดูมีอะไรให้ติดตาม มีความซับซ้อนที่ทำให้เรื่องราวเข้มข้นมากขึ้น ฉากต่างๆ ก็ออกแบบมาดี แอ็คชั่นได้ลุ้นระทึก มันส์ สนุก โดยเฉพาะฉากสู้กับมังกรตื่นตาตื่นใจมากๆ หรืออย่างในฉากที่ถูกโยนลงท่อที่เป็นถ้ำมังกรก็ยิ่งลุ้นตัวเกร็ง สมจริงกันเลยทีเดียว
คะแนนการประเมิน
IMDb : 6.1/10
ภาพรวม : 7/10
การเล่าเรื่อง : 7/10
การแสดง : 7/10
เทคนิคงานสร้าง : 6/10
บทภาพยนตร์ : 5/10
เปรียบเทียบกับภาพยนตร์เรื่องอื่น
Damsel นั้นต้องเอาไปเทียบกับแนวแอ็คชั่นแฟนตาซีทั่วไปจะดีกว่า เพราะบทนั้นถือว่าเฉพาะทางในระดับหนึ่ง ด้วยความที่พลิกโฉมพล็อตเทพนิยายของเจ้าหญิงธรรมดาๆ ให้เป็นนักรบและเอาชีวิตรอดด้วยการต่อสู้ ฉากแอ็คชั่นในระดับนี้ ถือว่าค่อนข่างดีตามมาตรฐาน ไม่ได้ถึงกับแย่แต่ก็ไม่ได้โดดเด่นไปกว่าเรื่องอื่นขนาดนั้น ขอให้เครดิตในเรื่องของบทที่มีความเป็นหญิงถึกทนต่อสู้ในฉบับเทพนิยาย ที่หาชมได้ไม่บ่อยเท่าไรนัก
สรุปการรีวิวหนังเรื่อง Damsel
โดยภาพรวมของ Damsel แล้วถือว่าเป็นหนังสไตล์แอ็คชั่น แฟนตาซี ที่มีความหลากหลาย เล่าเรื่องได้สนุก น่าติดตาม และมีกลิ่นอายความเป็นแนวย้อนยุคอย่างชัดเจน การดำเนินเรื่องก็รับชมได้ง่าย ไม่ได้ซับซ้อนหักมุม หรือพลิกแพลงอะไรมากมาย ตามสูตรสำเร็จของแนวแฟนตาซีแบบนี้อยู่แล้ว ถือว่าปูเนื้อเรื่องและขมวดปมได้สนุกดี การแสดงก็มีดาวเด่นที่แบกเรื่องไว้อยู่จนลื่นไหลได้ ถือว่าเป็นอีกเรื่องที่รับชมได้แบบเบาสมอง ดูเพลินๆ ติดตามเนื้อเรื่องไปจนจบได้โอเคเลย